ถอดสลักเมกะเทรนด์ใน Silicon Valley กับภารกิจใหม่ Next Generation DNA Technology

Silicon Valley โอกาสทางธุรกิจใหม่ Next-Generation Anti aging ยกระดับคุณภาพชีวิตของมนุษยชาติ
ทำให้มนุษย์ต้องมีชีวิตที่ยืนยาว 3 มหาเศรษฐีแห่ง Silicon Valley ทุ่มสุดตัว สนับสนุน entrepreneurs
หรือผู้ประกอบการใหม่เทคโนโลยีด้านสุขภาพ
Peter Thiel มหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้งของ PayPal แผนจะอยู่และมีชีวิตที่ยืนยาวถึง 120 ปี
หรือแม้แต่ Larry Ellison มหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้ง Oracle และ Sergey Brin มหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้ง Google

ถอดสลักเมกะเทรนด์ใน Silicon Valley กับภารกิจใหม่ Next Generation DNA Technology
เทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาของริ้วรอย และทำให้มนุษย์ต้องมีชีวิตที่ยืนยาว (ยกระดับคุณภาพชีวิตของมนุษยชาติ)
เรามาลองดูไทม์ไลน์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกันครับ…
ปี 2013 : กันยายน กูเกิลเปิดตัวบริษัทลูกชื่อ Calico (มาจากคำว่า California Life Company)
ทำธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่ โดยเน้นที่ประเด็นด้านความชรา (aging) และโรคที่เกี่ยวข้องกัน
ปี 2014 : เมษายน กูเกิลเข้าซื้อบริษัท Cynthia Kenyon บริษัทวิศวพันธุกรรมชั้นนำของโลกด้านชีววิทยาและพันธุศาสตร์
เพื่อดึงตัวนักวิทยาศาสตร์เข้ามาเสริมทีมวิศวกรรมพันธุกรรม
ปี 2014 : มีนาคม Peter Diamandis ผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิ X Prize Foundation
ในด้านการศึกษาและการพัฒนาพลังงาน และวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์
ประกาศเปิดตัวบริษัทใหม่ชื่อ Human Longevity Inc. เพื่อศึกษาพัฒนาด้านการต่อต้านความชรา (anti-ageing)
และมีแผนที่จะสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่สำหรับเก็บข้อมูลยีนมนุษย์ถึง 1 ล้าน ภายในปี 2020
ผมมองว่าสิ่งที่กูเกิลกำลังทำอยู่ มันไม่ใช่แค่การมีชีวิตที่ยืนยาว แต่ที่เราทำเรากำลังมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนโลกในอนาคต!
ในเมื่อเราแก้ปัจจุบันไม่ได้ อย่างนั้นมาตั้งต้นสร้างอนาคตใหม่กันเลยดีไหม ลองมาติดตามเมกะเทรนด์
เพื่อมุ่งหน้าสู่อนาคตที่ดีไปด้วยกันครับ
(#กูเกิลกำลังสะกดรอยตามหลัง)
แต่สิ่งที่หลายๆ คนยังไม่เคยรู้มาก่อน คือ บริษัท LifeGen Technologies บริษัทชั้นนำของโลก
ที่มีฐานข้อมูลยีนพันธุกรรมมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดใช้เวลาในการศึกษามากกว่า 30 ปี
และมีทีมนักวิทยาศาสตร์ทำการศึกษาเกี่ยวกับการแสดงออกของยีน หรือที่เรียกว่า gene expression
ซึ่งทำให้รู้ข้อมูลยีน Gene code ที่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างตรงจุดได้ลึกระดับยีน
ปี 2011 : ธันวาคม – บริษัท Nu Skin Enterprise เข้าซื้อบริษัท LifeGen Technology
ด้วยมูลค่าสูงถึง 11.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 351 ล้านบาท) นั้นหมายความว่า นู สกิน
ได้รับสิทธิในการครอบครอง LifeGen Technology อย่างเป็นทางการ และการลงทุนในครั้งนี้ส่งผลให้
ทรัพย์สินทั้งหมดของไลฟ์เจนไม่ว่าจะเป็นคลังฐานข้อมูลเกี่ยวกับการแสดงออกของยีน สิทธิบัตร
และทรัพย์สินทางปัญญาอื่นๆที่เกี่ยวกับการค้นคว้าวิจัยยีนเพื่อการต่อต้านความชราจะถูกโอนเป็นกรรมสิทธิของ นู สกิน
ดร.โจเซฟ แชง กล่าวเพิ่มเติม:
การที่เราได้กรรมสิทธิในการครอบครองทรัพย์สินทางวิทยาศาสตร์ของสถาบันไลฟ์เจน
ผนวกกับความเชี่ยวชาญของทีมนักวิทยาศาสตร์ของ นู สกิน ทำให้เรามั่นใจว่าเราจะสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อต้าน
ความชราระดับยีนสุดยอดนวัตกรรม เพื่อช่วยให้ผู้คนสามารถ คงความอ่อนเยาว์ตราบนานเท่านาน
จากงานวิจัยของสถาบันไลฟ์เจน บริษัท นู สกิน เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเอจล็อคเทคโนโลยี
ชื่อ ageLOC Y-SPAN (Youth Span) ในเดือนกันยายน นี้
source: Newsweek
คลิก Pre-order พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 14-22 กันยายน นี้!
สามารถสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ได้ทาง:
Line ID: aortic.aay
Email: shop@ageloc2u.com
Tel: 094-141-6559 | 096-235-9426
Facebook: https://www.facebook.com/ageLOC2uCLUB