7 คุณสมบัติ supplement ที่กองทัพสหรัฐฯ ต้องการ

กองทัพสหรัฐฯคือตลาดหลักของสินค้า supplements ทหารสหรัฐฯมีมุมมองในแง่ดีต่อสินค้ากลุ่มนี้มากกว่าผู้บริโภคโดยทั่วไปและสองในสามของทหารสหรัฐฯค่อนข้างจะมั่นใจว่า supplements ให้ผลตามโฆษณา
กองทัพเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่เป็น niche market ขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่ง

สถิติของเดือนสิงหาคม 2013 กองทัพสหรัฐฯมีกำลังพลทั้งที่เป็นทหารประจำการและพลเรือนที่รับราชการในกองทัพรวมทั้งสิ้น 1,413,452 นาย เป็นทหารบก 529,441 นาย ทหารอากาศ 329,104 นาย ทหารเรือ 319,289 นาย นาวิกโยธิน 195,054 นาย หน่วยป้องกันชายฝั่ง 40,564 นาย ทั้งนี้ยังไม่นับรวมทหารกองหนุนที่พร้อมรับการเรียกตัวอีกประมาณ 850,880 นาย รัฐแคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่มีทหารและบุคคลากรในกองทัพมากที่สุด 230,806 นาย รองลงมาคือรัฐจอร์เจีย 108,296 นาย และรัฐฟลอริด้า 95,399 นาย
คนอเมริกันที่อายุครบ 17 ปีมีสิทธิที่จะสมัครขอเข้ารับราชการทหาร ในแต่ละปีสหรัฐฯจะมีพลเมืองอเมริกันที่บรรลุอายุครบสมัครเข้ารับราชการในกองทัพไม่ต่ำกว่า 4 ล้านคน ระดับอายุของทหารในหน่วยต่างๆของกองทัพสหรัฐฯคือ กองทัพอากาศอายุระหว่าง 17 – 27 ปี กองทัพบก 17 – 34 ปี หน่วยป้องกันชายฝั่ง 17 – 39 ปี นาวิกโยธิน 17 – 29 ปี และกองทัพเรือ 17 – 34 ปี (ข้อจำกัดเรื่องอายุขึ้นอยู่กับว่ากำลังรับราชการหรือเคยรับราชการมาแล้วหรือเป็นกองหนุน)
งานวิจัยของ Samueli Institute ที่ทำให้แก่ Pentagon เมื่อไม่นานมานี้และได้มีการเผยแพร่ที่การประชุมประจำ ปีของ Council for Responsible Nutrition ที่เมือง Dana Point รัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมาระบุว่าตลาดหลักของสินค้า supplements คือตลาดกองทัพสหรัฐฯ การบริโภค supplements ในกองทัพมีอัตราที่สูงกว่าการบริโภคในกลุ่มผู้บริโภคสายอาชีพอื่นๆ ผู้บริโภคกลุ่มนี้ให้ความสนใจต่อ “ประสิทธิผล” ของ supplements มากกว่าเรื่อง “ประสิทธิภาพ” หรืออาจจะกล่าวได้ว่าผู้บริโภคกลุ่มนี้สนใจว่า supplements จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิผลในชีวิตจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิบัติงานในสนามรบหรือไม่เมื่อเปรียบเทียบกับอาหารหรือยาอย่างอื่น
ลักษณะการบริโภค supplements ของผู้บริโภคกลุ่มอาชีพทหาร
- สินค้า supplements ที่บริโภคมากที่สุดในหมู่ทหารคือวิตามินรวม รองลงมาคือ Hydrozycut ซึ่งเป็นตัวช่วยควบคุมน้ำหนักของร่างกาย
- การใช้ supplements ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มน้ำหนักตัวหรือลดน้ำหนักตัวเพื่อช่วยสร้างความสมบูรณ์ (fitness) ให้กับร่างกาย ช่วยเพิ่มปฏิบัติการของเซลกล้ามเนื้อ หรือช่วยลดไขมันโดยมีผลกระทบข้าง เคียงน้อยที่สุด มีการสำรวจพบว่า เกือบสามในสี่ของทหารหญิงใช้ supplements เพื่อการควบคุมน้ำหนักตัว
- ร้อยละ 25 ของทหารหญิงและร้อยละ 45 ของทหารชายใช้ energy drinks
- เพียงร้อยละ 5 – 8 เท่านั้นที่ใช้ herbal supplements แต่ร้อยละ 14 ใช้ ginseng
- 8 ใน 10 ของนาวิกโยธินในอาฟกานิสถานใช้ supplements ที่แตกต่างกันหลากหลายประเภท
โดย 9 ใน 10 คนใช้สารกระตุ้น ครึ่งหนึ่งของนาวิกโยธินเหล่านี้มีอาการปวด และร้อย 15 จะใช้ opiods
ในการจัดการกับ อาการปวด
ตัวแปรที่มีอิทธิพลต่อระดับของความนิยมบริโภค supplements ในกองทัพหรือในกลุ่มบุคคลที่ต้องการเข้าร่วม กับกองทัพคือเงื่อนไขที่เป็นด้านข้อบังคับที่เป็นความต้องการและวัฒนธรรมของกองทัพแตกที่ต่างจากกลุ่มอื่นๆ คือ
- ข้อบังคับต่างๆด้านปฏิบัติการที่แข็งแกร่งทั้งทางด้านจิตใจและร่างกาย ทำให้การใช้ supplements ในการ
เพิ่มสมรรถนะของปฏิบัติการทางด้านจิตใจและร่างกายได้รับความนิยมแพร่หลายทั่วไปในกองทัพ - มาตรฐานที่เข้มงวดในเรื่องน้ำหนัก เช่น ทหารชายและหญิงที่มีอายุระหว่าง 17 – 20 ปีจะมีไขมันในร่างกายได้มากที่สุดไม่เกินร้อยละ 20 และ 30 ตามลำดับ มีรายงานว่าในแต่ละปีร้อยละ 40 ของผู้สมัครเข้าไปเป็นทหารจะถูกปฏิเสธโดยอัตโนมัติเพราะว่ามีน้ำหนักมากเกินไป (obesity) ความล้มเหลวที่จะควบคุมน้ำหนักให้อยู่ภายในมาตรฐานหมายถึงการหมดโอกาสที่จะเข้าราชการในกองทัพหรือการถูกปลดออกจากกองทัพ ในกรณีที่รับราชการอยู่แล้ว เป็นการสิ้นสุดอาชีพทหาร ดังนั้นจึงทำให้ supplements ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุม น้ำหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บรรยายสรรพคุณว่าให้ผลลัพท์ที่รวดเร็วมากกว่าการออกกำลังกายอื่นๆ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
- มุมมองของทหารโดยทั่วไปที่ว่ากองทัพรับรองความปลอดภัยของการใช้และสนับสนุนการใช้ dietary supplement เนื่องจากในฐานที่ตั้งของกองทัพมีการวางจำหน่าย supplements เป็นจำนวนมากจนดูเหมือน ว่ากองทัพสนับสนุนการใช้ supplements แต่ในความเป็นจริงแล้วกองทัพสหรัฐฯไม่รับรองและไม่สนับสนุนสินค้า supplements ใดๆยกเว้นวิตามินรวม
- ความเสี่ยง ความต้องการ และสิ่งแวดล้อมต่างๆที่กลุ่มย่อยต่างๆในกองทัพเผชิญหน้าอยู่ในระหว่างการทำงาน เช่น การต้องไปอยู่ในพื้นที่ระดับสูงกว่าน้ำทะเลมากๆ การต้องเผชิญกับความร้อนความหนาวที่มากๆ หรือการยืดเวลาปฏิบัติการทางด้านร่างกาย หรือความเสี่ยงต่างๆเช่น ปฏิกิริยาโต้ตอบต่อยา การที่ร่างกายขาดน้ำ การบาดเจ็บ หรือเลือดออกมาก เป็นต้น
เนื่องจาก supplement ไม่ใช่สิ่งที่ปลอดภัยอย่างแท้จริงทั้งหมด และด้วยเหตุผลที่ว่าเมื่อออกสู่สนามรบแล้วการส่งตัวทหารกลับประเทศเพื่อรับการรักษาพยาบาลสำหรับการเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อยเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้น กองทัพจึงจำเป็นต้องเข้ามาควบคุมการใช้ supplements ของบุคลากรก็เป็นการควบคุมเฉพาะกลุ่มเท่านั้น
โดยพิจารณาจากเงื่อนไขสิ่งแวดล้อมในการทำงานเป็นเกณฑ์ แม้ว่ากระทรวงกลาโหมสหรัฐฯมีการจัดทำนโยบายและกฎระเบียบต่างๆในเรื่องคุณค่าอาหารของบุคลากรของกองทัพสำหรับการปฏิบัติงานในสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน แต่ยังไม่มีการเข้าถึงอย่างเป็นระบบในการประเมินความเสี่ยงและประโยชน์ของการใช้ supplements ในกองทัพ
แต่ความนิยมใช้ supplements ในกองทัพมีมากจนกองทัพมีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาหลายชุดเพื่อดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้รวมถึงการทำวิจัย การจัดทำข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับ supplements เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาคมของตนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องถึงผลดีผลเสียของการใช้ supplements เช่น ในเวบไซด์ของ Human Performance Resource Center ของ U.S Department of Defense (http://hprc-online.org) เป็นต้น
และมีการพยายามจัดทำกรอบการทำงานที่เป็นการบริหารจัดการเรื่อง dietary supplement ในกองทัพด้วยเช่นกัน
เนื่องจากปัจจุบันยุทธวิธีการรบในสนามรบของกองทัพสหรัฐฯจะเน้นไปที่การต่อสู้ทางร่างกายน้อยลงแต่เป็นการใช้ขบวนการด้านการเรียนรู้และความเข้าใจผ่านทางการคิด ประสบการณ์และประสาทสัมผัสมากยิ่งขึ้น การพัฒนาขบวนการด้านการเรียนรู้และความเข้าใจผ่านทางการคิด ประสบการณ์ และประสาทสัมผัส และการรักษาอาการบาดเจ็บในสมองจึงเป็นพื้นที่ที่กองทัพสหรัฐฯให้ความสำคัญอย่างมาก
ปัจจุบันทหารสหรัฐฯจะมีการติดไมโครโฟนและเครื่องมือสื่อสารที่เป็นแบบอัตโนมัติและเครื่องมือต่างๆที่เป็นการขยายประสิทธิภาพด้านการมองเห็นไว้กับตัวในระหว่างปฏิบัติการ ส่งผลให้การผสมผสานและการบริหารจัดการกับข้อมูลข่าวสารต่างๆระหว่างอยู่ในสนามรบเป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทายอย่างมาก ดังนั้น
คุณสมบัติ 7 ประการของ supplements ที่กองทัพต้องการ คือ
- ต้องช่วยบรรเทาอาการปวดเรื้อรัง
- น้ำหนักตัวเป็นสิ่งสำคัญในกองทัพ ดังนั้น supplements ต้องมีปฎิบัติการที่สุดยอดในการช่วยเรื่องการบริหารจัดการกับน้ำหนักตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับทหารในกองกำลังชั้นยอดเยี่ยมและแม้กระทั่งสำหรับกองกำลังทั่วไปด้วยเช่นกัน
- ต้องสนับสนุนการนอนหลับ สิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญสุดยอดเป็นอันดับแรกที่หน่วยงาน Army Surgeon General ต้องการ เนื่องจากลักษณะของงานทำให้ผู้บริโภคในสายอาชีพนี้ส่วนใหญ่จะมีวิถีชีวิตประจำวันที่คล้ายๆกันคือจะรับประทานยานอนหลับก่อนนอนและรับประทานคาเฟอีนเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า
- ช่วยลดการพึ่งพายาต่างๆที่เป็นด้านเภสัชกรรม เพราะยาเหล่านั้นมีผลข้างเคียงและมีราคาแพง
- ช่วยพัฒนาสุขภาพจิตให้ดีขึ้น การบรรเทาอาการเครียดที่เกิดขึ้นในภายหลังจากการได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงทางด้านจิตใจ ((Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD)) และการบาดเจ็บที่เป็นกระทบกระเทือนสมอง (traumatic brain injury หรือ TBI) ซึ่งทั้งสองรายการเป็นปัญหาสำคัญสูงสุดด้านสุขภาพของทหารสหรัฐฯในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา
- ช่วยพัฒนาปฏิบัติการที่ดีเลิศในขบวนการด้านการเรียนรู้และความเข้าใจผ่านทางการคิด ประสบการณ์ และประสาทสัมผัส
ข้อควรคำนึงเรื่องการใช้ supplements ในกองทัพ
- แม้ว่ากองทัพสหรัฐฯจะพึ่งพากฎระเบียบต่างๆในเรื่องการควบคุมความปลอดภัยของ supplements ที่เป็นกฎระเบียบของ FDA แต่เนื่องจากความแตกต่างของวิถีชีวิตของทหารและประชาชนทั่วไป ดังนั้นกองทัพจึงจำเป็นที่จะต้องมีการดำเนินการที่แตกต่างออกไป และเนื่องจากกองทัพสหรัฐฯสามารถกำหนดกฎระเบียบของตนเองได้ดังนั้นในบางครั้งการใช้ supplements ของกองทัพอาจจะขัดแย้งกับกฎระเบียบของหน่วยงานอื่นๆ รวมถึง FDA ยกตัวอย่าง เช่น omega-3 ที่ FDA มีกฎระเบียบควบคุมไว้หลากหลาย แต่สำหรับกองทัพแล้วการผสม omega-3 ลงไปในอาหารที่รับประทานกันเป็นปกติให้แก่กำลังพลของตนอาจจะเป็นหนทางหนึ่งของการจัดส่งสินค้าที่จะมีประสิทธิผลอย่างมากต่อสภาวการณ์ต่างๆ เช่น อาการหดหู่ การฆ่าตัวตาย และโรคหัวใจอย่างไรก็ดี กองทัพยังคงยืนยันว่า supplements ที่ขายในกองทัพจะต้องมีการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ข้อหนึ่งของ FDA คือ ฉลากสินค้า supplements ทุกชนิดจะต้องระบุข้อความว่า “These statements have not been approved by the Food and Drug Administration”
- ปัจจุบันกองทัพไม่มีการจัดทำรายชื่อ supplements ต้องห้ามสำหรับการใช้ในกองทัพ มีแต่รายชื่อของ supplements ที่ไม่แนะนำให้ใช้ และให้ข้อมูลถึงผลดีผลเสียของการใช้ supplement และ supplement ที่เป็นการหลอกลวงผู้บริโภค กรณีที่มีหลักฐานชัดเจนว่า supplements นั้นอาจจะเป็นอันตรายอย่างมากต่อการใช้ สิ่งที่กองทัพทำได้คืออาจจะดึงสินค้าตัวนั้นออกจากการวางจำหน่ายในฐานทัพ อย่างไรก็ดีกองทัพกำลัง พยายามจัดทำนโยบายเรื่องนี้อยู่
กฎระเบียบโดยสรุปของ FDA สำหรับสินค้า supplements
- Dietary supplement คือสินค้าที่บริโภคเข้าทางปากที่มีส่วนผสมที่เป็นอาหารที่ตั้งใจให้เป็นอาหารเสริม สินค้าเหล่านี้หมายถึงสินค้าที่มีส่วนผสม เช่น วิตามิน เกลือแร่ สมุนไพร ผลิตภัณฑ์จากพืชอื่นๆ เป็นต้น
- สินค้า supplements ไม่จำเป็นต้องได้รับคำอนุญาตจาก FDA ก่อนการทำตลาด ยกเว้นในบางกรณีที่ส่วน ผสมที่เป็น dietary supplement เป็นส่วนผสมใหม่ที่กฎหมายกำหนดว่าจะต้องมีการทบทวนข้อมูลต่างๆรวมถึงเรื่องความปลอดภัยก่อนการวางตลาดสินค้า การผลิตและการจำหน่ายไม่จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจาก FDA แต่เมื่อสินค้าออกวางตลาดแล้ว FDA มีอำนาจที่จะพิสูจน์ว่าสินค้านั้นไม่ปลอดภัยก่อนที่จะดำเนินการในขั้นต่อไปคือการเอาสินค้าออกจากตลาด
- โรงงานผลิตต้องจดทะเบียนโรงงานไว้กับ FDA ตามกฎหมาย Bioterrorism Act
- การผลิตสินค้าของโรงงานต้องเป็นไปตาม Current Good Manufacturing Practices ของ FDA
- โรงงานผลิตจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบว่าสินค้า supplements ที่ตนผลิตมีความปลอดภัยสำหรับบริโภค และการกล่าวอ้างสรรพคุณใดๆมีหลักฐานที่เหมาะสมชัดเจนว่าเป็นจริงไม่ใช่หลอกลวงผู้บริโภค
- FDA บังคับว่าบนฉลากสินค้าจะต้องมีข้อมูลเช่น ชื่อของผลิตภัณฑ์ ชื่อและสถานที่ตั้งโรงงานผลิต ชื่อผู้ทำบรรจุภัณฑ์หรือผู้กระจายสินค้า รายชื่อส่วนผสมทั้งที่เป็นส่วนผสมธรรมดาและที่เป็นส่วนผสมที่กฎหมายกำหนดว่าเป็น dietary ingredient ปริมาณน้ำหนักสุทธิของสินค้า และการระบุคุณค่าอาหารของ dietary ingredient แต่ละตัวบนฉลากด้านที่เป็น Supplement Facts
- สินค้า supplements ที่วางตลาดสหรัฐฯห้ามการบรรยายสรรพคุณโดยการใช้คำว่า รักษา (treatment หรือcure) และป้องกัน (prevention) โรคหรือสภาวการณ์เจ็บป่วยใดๆ มิฉะนั้นจะถือว่าเป็นยารักษาโรค บนฉลาก ต้องระบุว่า“These statements have not been approved by the Food and Drug Administration”
source:
1. Newhope360.com: “Supplements’ New Ally: the Military”, November 10, 2014
2. Military.com: “Supplements 101”
3. The National Academies Press: “Use of Dietary Supplements by Military Personnel”, 2008
4. Globalfirepower.com: “United Stated of America Military Strength – Global Firepower”, March 27, 2014
5. Governing: “Military Active-Duty Personnel, Civilians by State”
6. Military.com “Are You Eligible to Join the Military?”
7. usfda.gov